Activision ได้ดำเนินการปล่อยพนักงานแผนกรับประกันคุณภาพ (QA – Quality Assurance) ของ Raven Software เป็นจำนวน 1 ใน 3 ของทีมงานทั้งหมด ยังคงเผชิญปัญหากันอย่างต่อเนื่องกับ Activision ที่ก็ประสบกับเสียงวิจารณ์เป็นอย่างมากหลังจากที่ดำเนินการปล่อยพนักงานออกแผนกรับประกันคุณภาพ (QA – Quality Assurance) ของ Raven Software สตูดิโอพัฒนาเกมส์ที่รับผิดชอบ Call of Duty: Warzone โดยเป็นจำนวน 1 ใน 3 ของทีมงานทั้งหมด
จากการรายงานเบื้องต้น การดำเนินการปล่อยพนักงาน หรือไล่ออกนั้น
ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของ “การปรับเปลี่ยนโครงสร้างของสตูดิโอ” และการอย่างที่ได้กล่าวไปนั้น จากจำนวนพนักงานในแผนกดังกล่าวทั้งหมด 1 ใน 3 ของจำนวนนั้นจะถูกพิจารณาให้ออกจากบริษัท
ทางสตูดิโอได้ดำเนินการประชุมกับทีมงานแผนก QA ตั้งแต่วันที่ 3 ธันวาคม และจะดำเนินต่อไปถึงวันที่ 8 ธันวาคม ซึ่งการประชุมที่ว่านี้จะเป็นการเปิดเผยให้พนักงานได้ทราบว่าตัวพวกเขานั้นจะถูกเลื่อนขั้นให้ทำงานแบบเต็มเวลา หรือจะอยู่ในลำดับต่อไปที่จะถูกปล่อยออกจากบริษัท (พนักงานในแผนก QA นั้น ได้ถูกจ้างในรูปแบบสัญญาจ้างเป็นหลัก)
โดยสัญญาจ้างของพนักงานที่ถูกกำหนดให้ถูกปล่อยนั้น จะสิ้นสุดลงภายในวันที่ 28 มกราคม 2565 (2022) แต่พนักงานรายดังกล่าวนั้นสามารถจะลาออกด้วยตัวเองก่อนได้ ดูเผิน ๆ แล้ว มันอาจจะเป็นการปลดพนักงานแบบทั่วไป แต่ปัญหาอยู่ที่การดำเนินปล่อยพนักงานที่ถือได้ว่าเป็นอะไรที่แย่มาก
ตามการเปิดเผยของ Austin O’Brien ผู้จัดการฝ่าย Associate Community ของ Raven Software ได้กล่าวผ่าน Twitter ส่วนตัวว่า “ตอนนี้ ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างมาก เพื่อนของผมในแผนก QA ที่ทางบริษัทได้ให้คำมั่นสัญญาว่าบริษัทนั้นจะทำการปรับเปลี่ยนโครงสร้างเงินเดือน เพื่อเป็นการเพิ่มเติมขึ้นจากเงินเดือนเดิม ได้เริ่มทยอยถูกเรียกไปประชุมแบบทีละคน และได้กล่าวว่าพวกเขาจะถูกปลดออกแบบตัวต่อตัว”
O’Brien ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมว่า เพื่อนพนักงานคนดังกล่าวนั้น ก่อนหน้านี้ได้ถูกขอให้ทำการย้ายที่อยู่อาศัยมาอยู่ใกล้กับที่ทำงาน ก่อนจะถูกไล่ออกด้วย
หนึ่งในพนักงานสัญญาจ้างนั้น ได้พูดถึงการดำเนินการดังกล่าวว่า พวกเขา “รู้สึกเจ็บปวด และรู้สึกว่าถูกทรยศ” และได้กล่าวกับ The Washington Post ที่ทำการรายงานข่าวนี้ว่า “ผู้คนส่วนใหญ่ที่ถูกเรียกไปเข้าประชุมนั้น ถูกไล่ออก และมีการพูดไว้ว่า ‘คุณไม่ได้ทำอะไรผิดนะ’ หลังจากที่ประกาศข่าวร้ายนี้แก่พวกเขา”
นับว่าเป็นแนวทางที่สวนทางกับรายได้จำนวน 2 พันล้านดอลลาร์ที่บริษัทสามารถทำได้ไปเมื่อช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ (2021)
คาด! Apple Mixed Reality Headset จะเน้นในบันเทิง และการสื่อสาร เป็นหลัก
ได้มีการรายงานถึงผลการคาดการณ์ถึงเจ้าตัว Mixed Reality Headset ของ shoppingmode Apple ว่ามันจะมุ่งเน้นไปในการใช้งานด้านความบันเทิง และสื่อสารเป็นหลัก (5 ธ.ค. 2564) ได้มีการนำเสนอถึงข่าวลือ/ผลการวิเคราะห์ของ Mixed Reality Headset จากทาง shoppingmode Apple ที่จะเป็นการผสมผสาน Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) เข้าด้วยกัน ไว้ว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้จะมีจุดประสงค์เน้นสำหรับเกมส์, สื่อบันเทิง และการสื่อสารเป็นหลัก
การรายงานดังกล่าวนั้น นำเสนอโดย Mark Gurman นักข่าวด้านเทคโนโลยีจากสำนักข่าว Bloomberg โดยได้บรรยายถึงอุปกรณ์ชิ้นนี้ว่า มันจะมีฟีเจอร์ที่สำคัญซึ่งจะเน้นไปใน 3 ด้านด้วยกัน : การเล่นเกมส์ (Gaming), การเสพสื่อบันเทิง และการสื่อสาร
“การเล่นเกมส์น่าจะเป็นเป้าหมายหลักของของอุปกรณ์ชิ้นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันถูกสร้างขึ้นให้ใช้งานหน่วยประมวลผลหลายตัว, พัดลม, หน้าจอที่มีความละเอียดสูง และมี App Store ของตัว Apple นั้น ตั้งเป้าให้อุปกรณ์นี้เป็นความฝันสำหรับนักพัฒนาเกมส์”
“ในด้านการเสพสื่อบันเทิง ผมคาดว่า Apple จะทำการร่วมมือกับหุ้นส่วนทางด้านสื่อบันเทิงในการสร้างสรรค์เนื้อหาที่สามารถรับชมในรูปแบบ VR ผ่านอุปกรณ์ดังกล่าวได้ และในข้อสุดท้าย ด้านการสื่อสารนั้น เราอาจจะได้เห็น Animojis และประสบการณ์ในการ FaceTime แบบ VR ได้”
โดยก่อนหน้านี้ Ming-Chi Kuo, นักวิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ Apple นั้นได้คาดการณ์ว่าอุปกรณ์ชิ้นจะมีความสามารถในการทดแทน iPhone ได้ภายในระยะเวลา 10 ปี แต่ Gurman นั้นได้ชี้แจ้งเพิ่มเติมว่าตัวอุปกรณ์รุ่นแรกนั้นจะยังไม่ถูกนับให้มาแทนที่ Mac, iPhone หรือ iPad ตั้งแต่แรก
นอกเหนือไปจากนี้แล้วนั้น ข่าว และผลการวิเคราะห์ที่เกี่ยวกับตัว Headset นี้เริ่มออกมาเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะทั้งการเริ่มต้นการดำเนินการในด้านนี้ของ Apple และเริ่มการผลิตในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2022 และทำการปล่อยตัวผลิตภัณฑ์ภายในไตรมาสที่ 4 ของปีเดียวกัน
ทั้งนี้แล้วเราก็ต้องรอดูกันต่อไปอีกหนึ่งสำหรับอุปกรณ์ชิ้นนี้ และแผนการในอนาคตของ shoppingmode Apple
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป